คู่มือทำ Resume ส่งสมัครงาน ทำอย่างไรให้ดูโปร!

             ถ้าพูดถึงการสมัครงาน ด่านหน้าที่เปรียบเสมือนตัวแทนของผู้สมัครคงหนีไม่พ้น เรซูเม่ (Resume) เอกสารที่ประกอบไปด้วยประวัติส่วนบุคคล ไปจนถึงประสบการณ์ทำงานที่โชกโชน แต่เชื่อไหมว่านี่แหละคือด่านปราบเซียน เนื่องจากมีคนจำนวนมากที่ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นทำอย่างไรให้ Resume ออกมาเตะตาและดึงดูดใจให้ฝ่ายบุคคลเลือกหยิบขึ้นมาดู แทนที่จะปัดทิ้ง วันนี้เราจึงได้ทำมินิคู่มือฉบับย่อ พร้อมบอกครบถึงสิ่งที่ควรใส่ใน Resume พร้อมแล้วไปดูกันเลย

คู่มือทำ Resume ส่งสมัครงาน มีอะไรบ้างที่ต้องใส่ให้ดูโปร!

ทำ Resume ส่งสมัครงาน ควรเลือกรูปแบบไหนดี

การทำ Resume สำคัญอย่างไรกับการสมัครงาน ?

             Resume เป็นเอกสารที่เปรียบเสมือนใบเบิกทางสำหรับคนที่กำลังมองหางาน เป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่ฝ่ายจัดการทรัพยากรมนุษย์หรือ HR เลือกใช้ในการพิจารณา เพื่อติดต่อผู้สมัครให้มาเป็น Cadidate ในตำแหน่งนั้น ๆ เพราะในเรซูเม่จะเป็นเอกสารที่นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการศึกษา ประสบการณ์การทำงาน ทักษะ และความสามารถของผู้สมัครงาน ถ้าจะบอกว่าเป็นเอกสารใบปะหน้าที่ใช้ในการแนะนำตัวเองให้นายจ้างได้รู้จักก็ไม่ผิดมากนัก

             นอกเหนือจากข้อมูลพื้นฐานจะเป็นสิ่งที่ควรใส่ใน Resume แล้ว การจัดวางข้อมูลที่มีความสำคัญ รวมไปถึงการออกแบบ ก็เป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่ช่วยสร้างความประทับใจและดึงดูดความสนใจให้แก่ผู้ที่มีหน้าที่คัดเลือกเอกสารการสมัครงาน ซึ่งเป็นขั้นแรกที่จะนำไปสู่ความสำเร็จให้ได้รับคัดเลือกนั่นเอง

แนวทางการสร้าง Resume ที่ดี ทำแล้วมีชัยไปกว่าครึ่ง

             ก่อนไปดูว่าใน Resume ที่ดีควรมีอะไรบ้างนั้น อันดับแรกต้องมาทำความเข้าใจกับประเภทของ Resume ที่แตกต่างกันเสียก่อน เพื่อที่จะเลือกรูปแบบที่เหมาะสมสำหรับการนำเสนอประวัติการทำงานได้อย่างโดดเด่น

             ประเภทของ Resume

สิ่งที่ควรใส่ใน Resume มีอะไรบ้าง?

             1. รูปแบบเรียงลำดับเวลา (Chronological Resume)

             รูปแบบแรกเป็นการเรียงลำดับเวลา ซึ่งเป็นรูปแบบมาตรฐานที่นิยมนำมาใช้งานมากที่สุด และยังเป็นประเภทที่บริษัทส่วนใหญ่ชื่นชอบ เพราะดูง่าย สบายตา โดยสิ่งที่ควรใส่ใน Chronological Resume ประเภทนี้มากที่สุด ก็คือ “ประสบการณ์การทำงาน” โดยเรียงจากลำดับเวลาล่าสุด ไปจนถึงประวัติการทำงานครั้งแรกที่จะอยู่ส่วนท้ายของรายการ 

             โดยประโยชน์ของการสร้าง Resume แบบเรียงลำดับเวลานั้น จะช่วยแสดงให้บริษัทได้เห็นประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสายอาชีพ หากประวัติมีการทำงานอยู่ในสายอาชีพเดิมเสมอ ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสในการสมัคร เพราะนายจ้างจะมองเห็นได้อย่างง่ายดายเลยว่าจะคุณจะสามารถทำงานในตำแหน่งนั้นได้ดีหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เรซูเม่รูปแบบนี้ก็อาจจะยังไม่เหมาะสำหรับเด็กจบใหม่ เนื่องจากไม่มีประวัติการทำงานไปใส่ให้น่าสนใจได้นั่นเอง

             2. รูปแบบเน้นทักษะและความสามารถ (Functional Resume)

             รูปแบบถัดมาเป็นแบบที่เน้นทักษะและผลงานของผู้สมัคร เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีประสบการณ์ทำงานอย่างเด็กจบใหม่ เพราะจะเน้นใส่ทักษะและประสบการณ์ตรงที่ผ่านมา ทั้งการศึกษา การทำงานนอกเวลา เอาไว้ในตอนต้นของเรซูเม่ เพื่อให้นายจ้างได้พิจารณาจากทักษะว่าเหมาะสมหรือเกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่สมัครเข้ามาอย่างไร ซึ่งจะแตกต่างจากแบบแรกที่นายจ้างหรือ HR จะพิจารณาจากประสบการณ์ทำงานเป็นหลัก ทำให้สิ่งที่ควรใส่ใน Functional Resume นั้น คือการเขียนรายละเอียดที่ชัดเจน เพื่อ “ตอกย้ำ” ว่าคุณมีความโดดเด่นจริง จนทำให้นายจ้างไม่รู้สึกเคลือบแคลงในความสามารถ และคัดเลือกเข้าสู่รอบสัมภาษณ์งานในลำดับถัดไป

             3. รูปแบบผสมผสาน (Combination Resume)

             สำหรับรูปแบบสุดท้าย เหมาะสำหรับคนที่มีทั้งประสบการณ์และความสามารถ ที่อยากจะทำให้เรซูเม่ของตัวเองมีความโดดเด่นและน่าสนใจมากกว่าผู้สมัครคนอื่น ๆ เพราะนี่เป็นการรวบรวมทั้งประวัติการทำงาน ทักษะ และผลงานเอาไว้ด้วยกัน โดยจะเริ่มเรียงจากทักษะ ผลงาน ไปจบที่ประวัติงาน โดยสิ่งที่ควรใส่ในพาร์ตของประวัติบน Combination Resume นั่นก็คือ บริษัทที่เคยทำงาน ช่วงเวลา และตำแหน่ง หากยิ่งระบุชัดเจนก็จะยิ่งเพิ่มภาษีความน่าเชื่อถือได้นั่นเอง

             เคล็ดลับก่อนเริ่มทำ Resume มีอะไรบ้าง?

  • ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทที่ต้องการสมัครงานก่อนเริ่มเขียน Resume เช่น ประเภทธุรกิจ วัฒนธรรมองค์กร รวมไปถึงตำแหน่งงานที่ว่าง เพื่อปรับสิ่งที่ควรใส่ใน Resume ให้ตรงกับความต้องการของบริษัท
  • ระบุตำแหน่งงานที่ต้องการสมัคร โดยระบุให้ชัดเจนไว้ใน Resume และอัปเดตทุกครั้งที่เปลี่ยนบริษัทยื่นสมัครงาน เพื่อให้ผู้ว่าจ้างพิจารณาได้อย่างเหมาะสม
  • ย้ำทักษะและประสบการณ์ที่เกี่ยวข้อง พิจารณาสิ่งที่ควรใส่ใน Resume ให้เหมาะสม หากมีประวัติการทำงานมามาก ก็ให้คัดเฉพาะประวัติที่โดดเด่นและน่าสนใจ เพื่อเพิ่มความโดดเด่นให้ตัวเองในตำแหน่งนั้น ๆ
  • ภาษากระชับ ดีไซน์อ่านง่าย สำคัญไม่แพ้ข้อมูลที่จะใส่ เพราะการเลือกใช้ภาษาในเรซูเม่ ซึ่งเป็นเอกสารที่มีข้อจำกัดด้านตัวอักษร ทำให้ต้องเขียนอย่างประหยัดคำไปพร้อม ๆ กับการเลือกใช้ประโยคที่ทำให้ผู้อ่านเข้าใจเนื้อหา Resume ได้ทันทีเมื่ออ่านจบ
  • ตรวจทานความถูกต้องของข้อมูลใน Resume ทั้งในด้านเนื้อหา ภาษา และการจัดรูปแบบ เพื่อสร้างให้ Resume ของคุณสมบูรณ์และน่าเชื่อถือ

             สรุปสิ่งที่ควรใส่ใน Resume มีอะไรบ้าง?

  1. ข้อมูลส่วนตัว ชื่อและข้อมูลติดต่อ
  2. ข้อมูลการศึกษา เรียงลำดับจากปัจจุบันไล่ไปจนถึงการศึกษาที่ผ่านมา
  3. สาขาวิชาที่เรียน ระบุให้ชัดเจนว่าเรียนอะไรสมัยมหาวิทยาลัย
  4. ชื่อสถาบันการศึกษา ควรใส่ชื่อเต็มเท่านั้น แม้จะเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงก็ตาม และที่สำคัญต้องใส่ปีที่สำเร็จการศึกษา และช่วงเวลาที่เรียนอยู่ด้วย
  5. รางวัลที่ได้รับจากการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ใช้เป็นเครื่องการันตีความสามารถ
  6. ข้อมูลการทำงาน สำหรับคนที่มีประสบการณ์ทำงานมาก่อน 
  7. ใส่ประวัติทำงานฟรีแลนซ์ได้ หากมีความเกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่สมัคร
  8. ทักษะและความสามารถ ระบุที่ตรงกับคุณสมบัติของตำแหน่งที่เปิดรับ

             เมื่อได้เห็นกันไปแล้วว่ากว่าจะทำ Resume สมัครงานสักใบ จะต้องมีอะไรบ้างที่ต้องระบุลงไป หลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องที่ยุ่งยากใช่ไหม แต่ไม่เป็นเป็นไร เพราะที่ JOBTOPGUN แอปหางานที่อัปเดตใหม่ทุกวัน เรามีบริการเครื่องมือสร้าง Super Resume ที่ให้คุณสร้างเอกสารสมัครงานได้อย่างมืออาชีพ พร้อมนำเสนอคุณให้โดดเด่นกว่าใคร และยังมีรีวิวบริษัท ที่ช่วยให้คุณรู้จักบริษัทตามความเป็นจริง เพื่อให้เตรียมตัวสมัครตำแหน่งงานที่ใช่ เพิ่มโอกาสได้งานให้มากที่สุด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ได้ที่เบอร์ 02-853-6999 หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน JOBTOPGUN ได้ฟรีทั้งระบบ iOS และ Android

สมัครงานกับบริษัทชั้นนำทันที สร้าง Super Resume (ใบสมัครงาน) เลย ฟรี!

คำค้นหายอดนิยม

..